“ทิพานัน” จี้ “พิธา” รับผิดชอบ ปม กก.บห “คุกคามประชาชน”

“ทิพานัน” จี้ “พิธา” รับผิดชอบ ปม กก.บห “คุกคามประชาชน” หลังโพสต์ข้อความละเมิดข้อบังคับพรรคก้าวไกล-ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักสิทธิมนุษยชนสากล ย้อน “อย่าสองมาตรฐาน”

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2563 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. จอมทอง-ธนบุรี และอดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ขอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พิจารณา รับผิดชอบและลงโทษการกระทำที่อาจเข้าข่ายการละเมิดคําประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคก้าวไกลโดยกรรมการบริหารพรรคของนายพิธาเองสืบเนื่องจากกรณีที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลและกรรรมการบริหารพรรค เข้าร่วมกิจกรรมทางสื่อโซเชียลโพสต์ข้อความ “#ตามหาลูกประยุทธ์ เทรนด์อันดับหนี่ง twitter วันนี้ ถึงคิวลูกของคุณแล้ว” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ซึ่งหากทางพรรคไม่ออกมารับผิดชอบการกระทำของกรรมการบริหารพรรคดังกล่าว ก็ควรพิจารณาแก้ไข ลบทิ้งข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อ 8(3) อย่างเร่งด่วน ก่อนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ เพื่อกันการวิพากษ์วิจารณ์ว่าแค่ระดับข้อบังคับพรรคยังจัดการไม่ได้ แล้วการจัดการกฎหมายระดับประเทศจะมีความน่าเชื่อถือได้แค่ไหน อย่างไร
 

“ข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อ 8 (3) ยืนยันหลักการที่ประชาชนทุกคนมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกันตามกฎหมาย หลักนิติรัฐ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักสิทธิมนุษยชนสากล เคารพความแตกต่างทางความคิด …” และตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ข้อ 12 ระบุชัดเจนว่า “บุคคลใดจะถูกแทรกแซงตามอำเภอใจในความเป็นส่วนตัว ครอบครัว ที่อยู่อาศัย หรือการสื่อสาร หรือจะถูกลบหลู่เกียรติยศและชื่อเสียงไม่ได้ ทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองของกฎหมายต่อการแทรกแซงสิทธิหรือการลบหลู่ดังกล่าวนั้น” ดังนั้นการที่กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลเข้าร่วมกิจกรรมที่แทรกแซงความเป็นส่วนตัวของบุตรพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งก็เป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นกัน จึงเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และฝ่าฝืนหลักสิทธิมนุษยชนสากลได้ ซึ่งนอกจากจะอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคก้าวไกลแล้ว ยังอาจเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญไทย 2560 มาตรา 32 “บุคคลย่อมมีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว เกียรติยศ ชื่อเสียง และครอบครัว” อีกด้วย” น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หากจะกล่าวอ้างว่าบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลในครอบครัวของนักการเมือง ดังนั้นจึงมีสิทธิที่จะกระทำได้ ก็ขอให้นายพิธาในฐานะนักการเมืองที่เป็นพ่อของลูก หรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอให้ใช้จิตสำนึกความเป็นมนุษย์ พิจารณาและออกมาแสดงจุดยืนว่าข้ออ้างนี้ฟังได้หรือไม่ นายพิธาน่าจะเข้าใจได้ดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค หลักสิทธิมนุษยชนและรัฐธรรมนูญหรือไม่

นอกจากนี้ขอให้นายพิธาพิจารณาด้วยว่าการกระทำที่น่าประณามนี้ถือเป็นการ “คุกคามประชาชน” หรือไม่ ขอให้พรรคก้าวไกลแสดงให้เห็นจริงๆ ว่าข้อเรียกร้องที่ให้ #หยุดคุกคามประชาชน เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สองมาตรฐาน พรรคก้าวไกลไม่ได้ให้ความหมาย “ประชาชน” ที่พรรคจะคุ้มครองเฉพาะเพียง “ประชาชนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองและสนับสนุนพรรคก้าวไกลเท่านั้น” 

“ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นถึงการบ่มสร้างระบบอุปถัมภ์ ระบบสนับสนุนพวกพ้องของพรรคก้าวไกล มีการเลือกปฏิบัติ การกระทำสองมาตรฐาน ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 ที่ว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ..การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือเหตุอื่นใด จะกระทำมิได้ ” น.ส. ทิพานัน กล่าว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม